แนวปฎิบัติที่ดีที่สุดในการผสานรวม FedEx API

นี่คือคู่มืออ้างอิงฉบับย่อสำหรับช่วยให้ผู้ใช้ API เข้าใจวิธีปรับปรุงประสบการณ์การผสานรวมกับ FedEx ให้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้มั่นใจได้ว่าโซลูชันการผสานรวมมีคุณภาพทั้งในด้านการออกแบบ ความรวดเร็ว และความปลอดภัย

เพื่อให้ผสานรวมเข้ากับ FedEx API ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้พัฒนาควรปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้

URI สำหรับ API

  • URI สำหรับ API ที่ใช้ในการทดสอบและการใช้งานจริงจะเป็นคนละส่วน 
  • ผู้พัฒนาควรใช้ URI การทดสอบในการพัฒนาและทดสอบการผสานรวม และใช้ URI การใช้งานสำหรับการใช้งานจริง

URI สำหรับ API ได้แก่

การทดสอบ: https://apis-sandbox.fedex.com/

การใช้งานจริง: https://apis.fedex.com/

การจัดการข้อมูลประจำตัว

  • รหัส API และรหัสลับ

  • รหัส API และรหัสลับของคุณใช้เพื่อระบุแอปพลิเคชัน และจำเป็นต้องใช้สำหรับการขอโทเค็น OAuth
  1. รหัส API และรหัสลับของคุณควรได้รับการจัดการด้วยความปลอดภัยอย่างสูง และอย่าเผยแพร่รหัส API หรือรหัสลับผ่านทางอีเมลหรือรหัสแบบกระจาย รวมถึง JavaScript ฝั่งไคลเอ็นต์
  2. แอปพลิเคชันของคุณจะตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงหากรหัส API หรือรหัสลับถูกขโมย หากคุณสงสัยว่าข้อมูลประจำตัวของคุณถูกขโมยหรือตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง กรุณาสร้างรหัสลับใหม่ทันที
  3. หลีกเลี่ยงการบันทึกข้อมูลละเอียดอ่อนอย่างเช่นรหัสลับ
  • อย่าเขียนโค้ดสำหรับรหัส API และรหัสลับโดยไม่ใช้ตัวแปร
  • แอปพลิเคชันของคุณควรสามารถอัปเดตรหัส API และรหัสลับได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา
  • ควรจัดเก็บข้อมูลประจำตัวฝั่งไคลเอนต์ไว้ในห้องนิรภัย/สถานที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดภัยคุกคามต่อข้อมูลดังกล่าว
  • โทเค็น OAuth

  • โทเค็นสำหรับการเข้าถึงควรได้รับการจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์แอปพลิเคชันบนเว็บไซต์เท่านั้น และต้องไม่เปิดเผยลงในเบราว์เซอร์
  • อย่าเขียนโค้ดสำหรับโทเค็นในแอปพลิเคชันของคุณ
  • เก็บรักษาโทเค็นสำหรับการเข้าถึงให้ปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดภัยคุกคาม
  • หลีกเลี่ยงการเรียกใช้ API ของโทเค็น OAuth หลายๆ ครั้งเพื่อขอโทเค็นสำหรับการเข้าถึง ขอแนะนำให้ทำการแคชโทเค็นสำหรับการเข้าถึงจนกว่ารหัสแสดงข้อผิดพลาด 401 ของ HTTP จะปรากฏขึ้น แล้วจึงสร้างโทเค็น OAuth ใหม่
  • อย่าเปิดเผยโทเค็นต่อผู้ใช้ปลายทางหรือแอปพลิเคชัน
  • ใช้ HTTPS ในการทำรายการ API ใดก็ตาม

แนวทางปฏิบัติในการเขียนโค้ด

  • เพื่อเป็นการปฏิบัติให้สอดคล้องกับโปรโตคอลการสื่อสารสำหรับการเข้ารหัสข้อมูล จึงขอแนะนำให้ใช้ Transport Layer Security (TLS) เวอร์ชัน 1.2 ขึ้นไป
  • อย่าลืมตั้งส่วนหัวของ API ที่จำเป็นสำหรับคำขอ API แต่ละรายการให้ถูกต้อง โดยคุณจะพบข้อมูลส่วนหัวที่ด้านล่างของหน้าเอกสาร API แต่ละหน้า 
  • ค่า ’Content-Type’ ใน HTTP POST ควรเป็น ‘application/json’
  • กรุณาดูโค้ดตัวอย่างเพื่อเริ่มต้นใช้งาน API แต่ละส่วน แต่ละปลายทางของ API จะมีตัวอย่างอยู่สองสามข้อที่จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าอิลิเมนต์ รูปแบบ และรายละเอียดอื่นๆ ที่จำเป็นนั้นมีอะไรบ้าง
  • เมื่อผู้ใช้หรือผู้พัฒนาใส่ทศนิยมหลายตำแหน่งลงในค่าต่างๆ อาจทำให้เกิดความผิดพลาดของข้อมูลได้ ในส่วนของมูลค่า/จำนวนสกุลเงิน ต้องระบุเป็นทศนิยมสองตำแหน่งเท่านั้น ขนาด – เช่น ความยาว ความกว้าง และความสูง – ไม่รองรับการระบุเลขทศนิยม
  • ตัวอย่าง: น้ำหนัก: 45.26, มูลค่า/จำนวนสกุลเงิน: 100.52, ความยาว: 10, ความกว้าง: 25, ความสูง:15

  • หลีกเลี่ยงการส่งอิลิเมนต์ว่าง
  • ตัวอย่าง: "บรรทัดที่อยู่":""

  • ให้ส่งเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต่อการประมวลผลคำขอเท่านั้น
  • ตัวอย่างเช่น ในการจัดส่งพัสดุภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ควรหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลใบกำกับสินค้าพาณิชย์และข้อมูลสินค้าที่ใช้สำหรับการจัดส่งพัสดุระหว่างประเทศ

  • ขณะดำเนินการพัฒนา ควรกำหนดวิธีแก้ไขในกรณีที่อิลิเมนต์ที่ไม่ต้องมีการตอบกลับอย่างเช่น อัตราค่าบริการ ไม่ได้รับการส่งกลับ และประเมินการตอบกลับของการทำรายการเพื่อตรวจสอบอิลิเมนต์ที่หายไปก่อนที่จะใช้ข้อมูล
  • ตัวอย่างเช่น หากอัตราค่าบริการไม่สามารถใช้งานได้ แต่ยังสามารถดำเนินการจัดส่งพัสดุได้อยู่ ให้ทดสอบการตอบกลับของการทำรายการ เพื่อตรวจสอบอิลิเมนต์ที่หายไปก่อนที่จะใช้ข้อมูล

  • โดยทั่วไปแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Hard Depency ในการผสานรวม FedEx API หากเป็นไปได้
  • เพื่อลดความล่าช้าและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ควรใช้วิธีการดังต่อไปนี้
    • การกรอง - ใช้เพื่อจำกัดการค้นหาให้แคบลงด้วยพารามิเตอร์ที่คุณต้องการ
    • การเรียงลำดับ - ใช้เพื่อจัดเรียงผลลัพธ์ตามพารามิเตอร์ที่เลือก โดยเรียงลำดับจากน้อยไปมากหรือจากมากไปน้อย
  • ตรวจสอบว่าฟิลด์ที่จำเป็นต้องใส่ข้อมูล – เช่น รหัสไปรษณีย์ของผู้รับและน้ำหนักบรรจุภัณฑ์ – มีข้อมูลแล้วหรือไม่ก่อนที่จะส่งการทำรายการ และตรวจสอบความเหมาะสมของข้อมูลในฟิลด์ดังกล่าว การทำเช่นนี้จะช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำรายการได้
  • ตัวอย่างเช่น หากเป็นรหัสไปรษณีย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ตรวจสอบว่าข้อมูลในฟิลด์ได้ระบุเป็นตัวเลขทั้งหมด และอยู่ในรูปแบบของรหัสไปรษณีย์ 5 หลักหรือในรูปแบบรหัสไปรษณีย์ 5 หลัก + หมายเลข 4 หลักแล้ว

  • เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อความพร้อมและความเชื่อถือได้ของระบบ FedEx จะต้อง:
    • ไม่ดำเนินการทดสอบประสิทธิภาพในระบบทดสอบหรือระบบใช้งานจริง
    • ใช้ตรรกะการเขียนโค้ดเพื่อป้องกันไม่ให้การทำรายการเดิมล้มเหลวซ้ำกันหลายครั้ง
  • การจำกัดปริมาณการส่งคำขอกำหนดไว้ที่ 1400 รายการใน 10 วินาที หากถึงขีดจำกัดนี้ในสองสามวินาทีแรก จะมีการส่งกลับรหัสข้อผิดพลาด HTTP 429 คำขอมากเกินไป และการทำรายการจะถูกจำกัดจนกว่าจะครบ 10 วินาที จากนั้นจึงจะดำเนินการทำรายการต่อได้
  • ตัวอย่างเช่น หากเราได้รับคำขอจำนวน 1400 รายการใน 4 วินาทีแรก ระบบจะส่งรหัสข้อผิดพลาด HTTP 429 คำขอมากเกินไป - ‘เราได้รับคำขอมากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ กรุณารอสักครู่แล้วลองใหม่อีกครั้ง’ จากนั้นการทำรายการจะถูกจำกัดเป็นเวลา 6 วินาทีถัดไป แล้วจึงจะดำเนินการทำรายการต่อ

  • อย่าเขียนโค้ดสำหรับกระบวนการดําเนินงานในการจัดส่งพัสดุ เช่น ประเภทบริการ ประเภทบรรจุภัณฑ์ น้ำหนักสูงสุด และอื่นๆ โดยไม่ผ่านตัวแปร เนื่องจากกระบวนการเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้

การจัดการข้อผิดพลาด

การตอบกลับของ API แต่ละรายการประกอบด้วยรหัสบอกสถานะ HTTP และรายละเอียดข้อมูลตอบกลับ การตอบกลับบางรายการอาจประกอบด้วยข้อผิดพลาด คำเตือน หรือหมายเหตุที่แตกต่างกันไป คำเตือนและหมายเหตุไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าการทำรายการล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ควรมีการบันทึกและตรวจสอบข้อความแสดงข้อผิดพลาดหรือข้อความแจ้งเตือน การจัดการข้อผิดพลาดอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การผสานรวมกับ FedEx เป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยไม่ให้เกิดความเสียหาย

รหัสสถานะ HTTP

200 OK
คำขอของคุณได้รับการประมวลผลเรียบร้อยแล้ว ข้อความนี้เป็นการตอบกลับมาตรฐานสำหรับคำขอ HTTP ที่ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ

  • หมายเหตุ: การตอบกลับ API สามารถประกอบด้วยหมายเหตุและคำเตือนที่มีเนื้อหาสำหรับแจ้งข้อมูลให้ทราบ กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ดำเนินการบันทึกและแยกวิเคราะห์ข้อความแล้ว

400 คำขอมีข้อผิดพลาด
เราได้รับคำขอที่มีข้อผิดพลาดจึงไม่สามารถดำเนินการได้ กรุณาแก้ไขคำขอของคุณแล้วลองใหม่อีกครั้ง

  • หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบรหัสและข้อความแสดงข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไขคำขอแล้วลองใหม่อีกครั้ง เขียนโค้ดสำหรับรหัสข้อผิดพลาดเท่านั้น เนื่องจากข้อความแสดงข้อผิดพลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

401 ไม่ได้รับอนุญาต
เราไม่สามารถยืนยันตัวตนข้อมูลประจำตัวของคุณได้ กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ตรวจสอบความถูกต้องของรหัส API แล้ว จากนั้นลองใหม่อีกครั้ง

403 ไม่อนุญาตให้เข้าถึง
เราไม่สามารถให้สิทธิ์เข้าถึงแก่คุณโดยใช้ข้อมูลประจำตัวนี้ได้ กรุณาตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของคุณแล้วลองใหม่อีกครั้ง

404 ไม่พบข้อมูล
แหล่งข้อมูลที่คุณร้องขอไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป กรุณาแก้ไขคำขอของคุณแล้วลองใหม่อีกครั้ง

405 วิธีการไม่ได้รับอนุญาต
เราได้รับวิธีการที่ร้องขอซึ่งไม่ได้รับการรองรับ คุณควรใช้วิธีการที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละปลายทางเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น หากต้องการสร้างการจัดส่งพัสดุ คุณต้องใช้วิธีการ POST ดังที่ระบุไว้ในเอกสารของ API

409 เกิดข้อขัดแย้ง
{provide reason of conflict} กรุณาแก้ไขคำขอของคุณแล้วลองใหม่อีกครั้ง

415 ประเภทสื่อไม่ได้รับการรองรับ
เราไม่รองรับประเภทเนื้อหาตามที่คุณขอ กรุณาแก้ไขรูปแบบแล้วลองใหม่อีกครั้ง

422 เอนทิตีไม่สามารถประมวลผลได้
รูปแบบคำขอของคุณถูกต้อง แต่เราไม่สามารถประมวลผลเอนทิตีได้ กรุณาแก้ไขคำขอของคุณแล้วลองใหม่อีกครั้ง

429 คำขอมากเกินไป
เราได้รับคำขอมากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ กรุณาตรวจสอบโควตาการทำรายการและขีดจำกัดอัตรา

500 ล้มเหลว
เราพบข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด และกำลังดำเนินการแก้ปัญหาในขณะนี้ ขออภัยในความไม่สะดวก กรุณาตรวจสอบใหม่ภายหลัง และคอยติดตามการแจ้งข้อมูลจาก FedEx

503 ไม่สามารถใช้บริการได้
ไม่สามารถใช้บริการได้ เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาอยู่ในขณะนี้ ขออภัยในความไม่สะดวก กรุณาตรวจสอบใหม่ภายหลัง และคอยติดตามการแจ้งข้อมูลจาก FedEx

อัตราค่าบริการ

  • การขอรับอัตราค่าบริการมี 2 วิธี:
    • อัตราค่าบริการสำหรับประเภทบริการ (serviceType) เฉพาะ - ระบบจะกรองผลลัพธ์ตามค่า serviceType ที่ระบุ วิธีนี้จะลดขนาดของการตอบกลับ และลดเวลาที่ใช้ในการตอบกลับสำหรับการทำรายการ

      ตัวอย่าง: STANDARD_OVERNIGHT

    • บริการที่สามารถเลือกใช้ได้ – หากไม่ระบุ serviceType บริการที่สามารถใช้ได้และอัตราค่าบริการของบริการดังกล่าวจะถูกส่งกลับทั้งหมด
  • ใช้ API สำหรับความพร้อมในการให้บริการ เพื่อระบุว่าบริการ ตัวเลือกบรรจุภัณฑ์ และบริการพิเศษใดที่พร้อมให้บริการสำหรับคู่ต้นทาง-ปลายทางที่กำหนด และส่งประเภทบริการและตัวเลือกบรรจุภัณฑ์มาในคำขออัตราค่าบริการ

    ตัวอย่างเช่น STANDARD_OVERNIGHT (เช่นเดียวกับบริการอื่นๆ) ไม่พร้อมให้บริการในพื้นที่ระหว่างต้นทาง-ปลายทางตามรหัสไปรษณีย์ที่กำหนด

  • จะต้องระบุประเภทบริการพิเศษและรายละเอียดของบริการพิเศษที่จะใช้สำหรับการจัดส่ง 
    • หมายเหตุ: บริการพิเศษบางประเภทไม่มีรายละเอียด
  • ดู เอกสาร API สำหรับอัตราค่าบริการ

ทำการส่ง

  • ใช้ API ความพร้อมในการให้บริการเพื่อระบุว่าบริการใดที่พร้อมให้บริการสำหรับคู่ต้นทาง-ปลายทางที่กำหนด และส่งประเภทบริการและตัวเลือกบรรจุภัณฑ์มาในคำขอการจัดส่ง
  • จะต้องระบุประเภทบริการพิเศษและรายละเอียดของบริการพิเศษที่จะใช้สำหรับการจัดส่ง
    • หมายเหตุ: บริการพิเศษบางประเภทไม่มีรายละเอียด
  • ปิดการทำงานสำหรับ FedEx Ground เมื่อสิ้นสุดเวลาทำการจัดส่งก่อนที่จะมีการรับพัสดุ
  • ดู เอกสาร API สำหรับการจัดส่ง

ติดตามสถานะพัสดุ

  • จำกัดจำนวนหมายเลขการติดตามในคำขอการติดตามแบบหมายเลขเดียวให้อยู่ที่ 30 หมายเลข วิธีนี้จะลดขนาดของการตอบกลับ และลดเวลาที่ใช้ในการตอบกลับสำหรับการทำรายการ
  • จำกัดจำนวนครั้งในการติดตามบรรจุภัณฑ์ให้เหลือเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงาน
  • สำหรับการติดตามแบบเป็นชุด ให้ลบบรรจุภัณฑ์ที่แสดงสถานะการติดตามเป็น “จัดส่งแล้ว” ออกจากการติดตามชุดนั้น
  • ดูเอกสาร API สำหรับการติดตาม

การตรวจสอบที่อยู่

  • FedEx มีบริการตรวจสอบที่อยู่ ซึ่งเป็นบริการแนะนำแต่ไม่ใช่การยืนยันในขั้นตอนสุดท้าย โดยผู้ใช้ปลายทางจำเป็นต้องยืนยันว่าที่อยู่ที่ได้จากข้อมูลที่ให้และที่ต้องใช้ในการดำเนินงานนั้นเป็นที่อยู่ที่ใช้ได้จริงหรือไม่ เนื่องจากจำเป็นต้องมีขั้นตอนในการจัดการที่อยู่ที่ไม่สามารถยืนยันได้ เพื่อให้ยังสามารถประมวลผลคำสั่งได้
  • เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ในการจัดส่งที่ดียิ่งขึ้น อย่าดำเนินการจัดส่งพัสดุที่จำเป็นต้องใช้บริการทางเลือกอย่างเช่น การตรวจสอบที่อยู่
  • ตัวอย่างเช่น หาก API การตรวจสอบที่อยู่ไม่สามารถใช้งานได้ในขณะที่มีการป้อนข้อมูลคำสั่งซื้อหรือมีการจัดส่ง ควรมีการจัดเตรียมแผนรองรับเพื่อทำรายการการจัดส่งให้สมบูรณ์

  • ดู เอกสาร API สำหรับการตรวจสอบที่อยู่

ค้นหาศูนย์บริการ FedEx

  • จำกัดการค้นหาให้แคบลงด้วยการระบุคุณลักษณะเฉพาะ (เช่น ประเภทศูนย์บริการ บริการที่นำเสนอ เป็นต้น) เพื่อให้ได้รับตัวเลือกสถานที่ที่เหมาะสมและได้รับการตอบกลับรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ดูเอกสาร API สำหรับการค้นหาศูนย์บริการ FedEx

คำขอรับพัสดุ

  • ในการวางกำหนดการรับพัสดุ อย่าระบุเวลาที่พร้อมรับพัสดุหรือวันที่ที่ผ่านไปแล้ว หรือวันที่ในอนาคตที่ห่างมากเกินไป
  • ไม่อนุญาตให้รับพัสดุโดยไม่ระบุชื่อ
  • ดู เอกสาร API สำหรับการนัดเข้ารับพัสดุ

ความพร้อมในการให้บริการ

  • เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สำหรับบริษัทที่ดำเนินงานต่างๆ เช่น FedEx Express (FDXE), FedEx Ground (FDXG), FedEx Freight (FXFR) และ FedEx Ground® Economy ให้ละองค์ประกอบ carrierCodes หรือส่งคำขอสำหรับความพร้อมในการให้บริการแยกต่างหาก เนื่องจากไม่สามารถระบุรหัสผู้ให้บริการขนส่งแบบหลายรายการได้
  • กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับการอนุมัติล่วงหน้าสำหรับสกิดน้ำหนัก 151 ปอนด์ ขึ้นไป หรือสกิดที่น้ำหนักเกิน 2,200 ปอนด์แล้ว
  • หากคุณระบุทางเลือกตัวแปรเป็น SATURDAY_DELIVERY สำหรับบริการทั้งหมดที่มีตัวเลือกการจัดส่งในวันเสาร์ คุณจะได้รับทั้งตัวเลือกการจัดส่งในวันเสาร์และทางเลือกทั่วไป อย่าระบุ SATURDAY_DELIVERY สำหรับบริการพิเศษ มิฉะนั้นระบบจะคืนค่าเฉพาะตัวเลือกการจัดส่งในวันเสาร์ที่สามารถใช้ได้เท่านั้น
  • ดู เอกสาร API สำหรับความพร้อมในการให้บริการ

แผนกบริการลูกค้า

เราพร้อมช่วยเหลือคุณเสมอ หากคุณมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ กรุณาไปที่หน้า ความช่วยเหลือ ของเราเพื่อค้นหาแหล่งข้อมูลและข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดต่อเรา